MY (Malaysia Odds) : ค่าน้ำแบบมาเลเซีย
เป็นรูปแบบค่าน้ำที่คนไทยนิยมที่สุด แบ่งออกเป็น 2 แบบ
ราคาน้ำดำ : แสดงเป็นตัวเลขสีดำ หากแทงถูกจะได้เงินตามอัตราค่าน้ำ หากแทงเสียจะเสียเต็ม
จากตัวอย่าง แทงน้ำ 0.74 ที่ 100 บาท ถ้าถูกจะได้เงิน 0.74×100 = 74 บาท ไม่รวมทุน , ถ้าเสียจะเสียเต็ม 100 บาท
ราคาน้ำแดง : แสดงเป็นตัวเลขติดลบสีแดง หากแทงถูกจะได้เต็ม หากแทงเสียจะเสียตามอัตราค่าน้ำ
จากตัวอย่าง แทงน้ำ -0.81 ที่ 100 บาท ถ้าถูกจะได้เงินเต็ม 100 บาท , ถ้าเสียจะเสียเพียง 0.81x100 = 81 บาท
ฮ่องกง (HK , Hong Kong Odds) : ค่าน้ำแบบฮ่องกง
มีจุดเด่นที่วางเงินเดิมพันเท่าไหร่ ถ้าได้มีโอกาสได้เยอะกว่ายอดเงินเดิมพัน แต่จำกัดยอดเสียเท่ายอดเงินเดิมพัน
จากตัวอย่าง
แทงน้ำ 1.31 หากแทงได้ จะได้เงินสูงถึง 1.31 เท่าของยอดเงินเดิมพัน หากเสีย จะเสียเงินเท่ายอดเดิมพัน
ในขณะเดียวกัน แทงน้ำ 0.69 หากแทงได้ จะได้เงิน 0.69 เท่า ซึ่งน้อยกว่ายอดแทง หากเสีย จะเสียเงินเท่ายอดเดิมพัน
EU (Euro Odds) : ค่าน้ำแบบยูโร , ค่าน้ำแบบยุโรป , ค่าน้ำแบบเดซิมอล
ค่าน้ำแบบยูโร เป็นราคาแบบหน่วยทศนิยม ค่าน้ำแบบยูโรเมื่อคำนวณจะเป็นอัตราตัวคูณ ที่รวมทุนเดิมพันไว้แล้ว
จากตัวอย่าง
ค่าน้ำ 2.31 หากแทงได้ จะได้เงิน 2.31 เท่า(นับรวมเดิมพัน) หลักจากคำนวณยอดแล้ว ให้หักทุนออกจะเป็นยอดกำไรที่ได้ หากเสีย จะเสียเงินเท่ายอดเดิมพัน
ID (Indonesia Odds) : ค่าน้ำแบบอินโดนิเซีย
มีการแบ่งเป็น 2 แบบ คล้ายอัตราค่าน้ำแบบมาเลย์ แต่มีข้อแตกต่าง คือ มีอัตราได้เสียสูงกว่าเงินเดิมพัน
ราคาสีดำ : แสดงเป็นตัวเลขสีดำ หากแทงถูกจะได้เงินตามอัตราค่าน้ำ หากแทงเสียจะเสียเต็ม
จากตัวอย่าง แทงน้ำ 1.31 ที่ 100 บาท ถ้าถูกจะได้เงิน 1.31×100 = 131 บาท (ไม่รวมทุน) ซึ่งมากกว่ายอดเงินเดิมพัน หากเสีย จะเสียเต็ม 100 บาท เท่ายอดเงินเดิมพัน
ราคาติดลบสีแดง : แสดงเป็นตัวเลขติดลบสีแดง หากแทงถูกจะได้เต็ม หากแทงเสียจะเสียตามอัตราค่าน้ำ ซึ่งสูงกว่าเงินเดิมพัน
จากตัวอย่าง แทงน้ำ -1.44 ที่ 100 บาท ถ้าถูกจะได้เงิน 100 บาท เท่ายอดเงินเดิมพัน , ถ้าเสียจะเสีย 1.44x100 = 144 บาท ยอดเสียจะเสียตามอัตราค่าน้ำ ซึ่งมากกว่ายอดเงินเดิมพัน
